Last updated: 12 มิ.ย. 2562 | 1483 จำนวนผู้เข้าชม |
หมายกำหนดการ
วันแรก(16) กรุงเทพมหานคร –พุทธคยา
05.30 น. คณะเดินทางพบกัน ณ สนามบินดอนเมือง ชั้นผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบินแอร์เอเชีย เพื่อทำการเช็คอินและรับบัตรโดยสาร โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ... ให้การต้อนรับ
08.40 น. คณะเดินทางออกจากสนามบินดอนเมือง สู่เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยสายการบินแอร์เอเชีย (FD)เที่ยวบินที่FD 122 (มีบริการอาหารเช้าบนเครื่อง)
10.10 น. คณะเดินทางถึงสนามบินเมืองพุทธคยา หลังจากเสร็จพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองพุทธคยา
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
หลังจากนั้น นำท่านเข้านมัสการ พระมหาเจดีย์พุทธคยา พร้อมสักการะองค์พระประธาน “พระพุทธเมตตา” และสักการะต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งต้นโพธิ์ต้นดังกล่าวเป็นต้นที่ 4 จากต้นศรีมหาโพธิ์ต้นแรกที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ โดยสำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นแรกนั้นเป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า (เกิดในวันเดียวกับวันที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ) มีอายุถึง 352 ปี จนในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จึงถูกทำลายโดยพระชายาของพระเจ้าอโศกมหาราช เพราะความอิจฉาที่พระเจ้าอโศกรักและหวงแหนต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้จนไม่สนใจพระนาง ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สองนั้นปลูกโดยพระเจ้าอโศกมหาราช จากหน่อพระศรีมหาโพธิ์ต้นเดิมและมีอายุยืนมาประมาณ 871-891 ปี จนถูกทำลายในประมาณปีพุทธศักราช 1143-1163 ด้วยนํ้ามือของพระราชาฮินดูแห่งเบงกอลพระนามว่าศศางกา ซึ่งพระองค์อิจฉาพระพุทธศาสนาที่มีความรุ่งเรืองมาก จึงทรงแอบนำกองทัพเข้ามาทำลายต้นโพธิ์ต้นนี้ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สามปลูกโดยพระเจ้าปูรณวรมา กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เมารยะ และต้นที่สามนี้มีอายุยืนมากว่า 1,258 –1,278 ปี จึงล้มลงในสมัยที่อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สี่ ที่ยังคงยืนต้นมาจนปัจจุบัน ปลูกโดยนายพลเซอร์อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม เมื่อปีพุทธศักราช 2423
พร้อมนำท่านสักการะ 7 สัตตมหาสถาน หรือสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จประทับเสวยวิมุต เป็นเวลา 7 สัปดาห์หลังจากตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง อันประกอบไปด้วย
1) เสด็จประทับบนพระแท่นวัชรอาสน์ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ พร้อมเสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 1
2) เสด็จประทับ ณ อนิมิสเจดีย์ ทรงยืนจ้องพระเนตรดูต้นศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้กะพริบ พระเนตรตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 2
3) เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรมเจดีย์ ทรงนิมิตจงกรมขึ้น แล้วเสด็จจงกรมเป็นเวลา 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 3
4) เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย์ โดยเสด็จไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้น ศรีมหาโพธิ์ และประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้วซึ่งเทวดานิรมิตถวาย ทรงพิจารณาพระอภิธรรมตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 4
5) เสด็จไปประทับใต้ต้นไทร อชปาลนิโครธ ซึ่งเป็นที่พักของคนเลี้ยงแกะ ในสัปดาห์ที่ 5
6) เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นจิก มุจลินท์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้น ศรีมหาโพธิ์ ในสัปดาห์ที่ 6
7) เสด็จไปประทับใต้ต้นเกด ราชายตนะ ประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 7
จากนั้น นำท่านเที่ยวชม สถูปนางสุชาดา ซึ่งปัจจุบันเป็นเนินดินสูงมีการก่ออิฐล้อมรอบสูงประมาณ 4 เมตร รอบๆเป็นลานกว้างมีร่องรอยการขุดดินหาโบราณวัตถุ สถูปแห่งนี้ถูกสร้างเป็นอนุสรณ์สถานโดยพระเจ้าอโศกมหาราชในสมัยพุทธกาลนางสุชาดาคือผู้ที่ถวายข้าวมธุปายาสพร้อมถาดทองคำให้กับพระพุทธเจ้า ในช่วงที่พระพุทธองค์ทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกริยาและกลับมาเสวยอาหารตามปกติ
ต่อจากนั้น นำท่านเยี่ยมชม แม่น้าเนรัญชรา สถานที่สำคัญทางศาสนาที่พระศาสดาได้รับการถวายข้าวมธุปายาสพร้อมถาดทองคำจากนางสุชาดา และพระองค์ได้อธิษฐานจิตเสี่ยงทายหากพระองค์ท่านสามารถตรัสรู้ได้ ขอให้ถาดทองคำลอยทวนสายนํ้า
เย็น นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักในพุทธคยา เมืองคยา ณ โรงแรม Taj Darbar หรือเทียบเท่า พร้อมรับประทานอาหารเย็นภายในโรงแรม
วันที่สอง(17) พุทธคยา – เมืองราชคฤห์ นาลันทา– เมืองปัตตานะ
เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในที่พัก
ได้เวลาอันสมควร นำท่านออกเดินทางสู่เมืองราชคฤห์ หรือเบญจคีรีนคร แปลว่า เมืองที่มีเขาทั้ง 5 อันได้แก่ เขาคิชกูฏ เขาปัณฑวะ เขาเวภาระ เขาอิสิคิลิ และเขาเวปุลละ เมืองราชคฤห์ในสมัยพุทธกาลนั้นเดิมทีเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธ ที่มีประวัติศาสตร์ของศาสนาพุทธอย่างมากมาย มีเจ้าเมืองปกครองในยุคนั้นคือพระเจ้าพิมพิสารที่ถือได้ว่าเป็นโยมอุปฐากของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีส่วนช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาที่สำคัญอย่างมาก ด้วยการถวายพื้นที่สำหรับเป็นพุทธสถานแห่งแรก และเมืองราชคฤห์ยังเป็นสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธศาสนาอีกมากมาย
หลังจากนั้น นำท่านเดินทางชมจุดสำคัญต่างๆณ ยอดเขาคิชกูฏ สถานที่ประทับพรรษาแรกของพระพุทธเจ้า ซึ่งปรากฏหลักฐานหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติ อันประกอบไปด้วย
1. ถ้าพระโมคคัลลานะ ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องซ้าย ผู้เป็นเอตทัคคะที่มีอิทธิฤทธิ์เป็นเลิศ และเป็นสถานที่พระโมคคัลลานะมองเห็นอชครเปรตที่มีความสูง 25 โยชน์ (1 โยชน์ มีค่าเท่ากับ 16 กิโลเมตร) ถูกไฟเผาจากหัวถึงหาง ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเล่าถึงอดีตชาติของเปรตตนนั้น
2. ที่กลิ้งหินของพระเทวทัตเป็นจุดที่สามารถมองเห็นจากบริเวณด้านหน้าถํ้า พระโมคคัลลานะ ที่ปรากฏก้อนหินเรียงกัน 3 ก้อน มีช่องระหว่างเขาสามารถเดินเข้าไปได้ ซึ่งในสมัยพุทธกาลนั้น เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางขึ้น ลงเพียงทางเดียว ซึ่งเชื่อกันว่าพระเทวทัตพยายามกลิ้งหินจากข้างบนโดยหวังปลงพระชนม์องค์พระศาสดา แต่สุดท้ายสามารถทำอันตรายต่อพระพุทธองค์ได้เพียงห้อพระโลหิต
3. ถ้าสุกรขาตา (ถ้าพระสารีบุตร) ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เป็นเอตทัคคะที่มีปัญญาเป็นเลิศ ที่สามารถบรรลุอรหันตผลภายใน 15 วัน หลังจาก การอุปสมบท
4. อานันทกุฎี ตั้งอยู่ด้านหน้าพระคันธกุฎี กุฏิของพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นการตรวจสอบเหล่ากษัตริย์ เทวดา และพุทธศาสนิกชนที่ต้องการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
5. พระคันธกุฎี ซึ่งเคยเป็นกุฏิของพระพุทธเจ้า มีขนาดประมาณ 2.5 * 3 เมตร และเป็นสถานที่แสดงพระธรรมหลายสูตรต่อพระเจ้าพิมพิสารและพุทธศาสนิกชน
ต่อจากนั้น นำท่านชม ชีวกอัมพวันวิหาร หรือสวนมะม่วงของหมอชีวกโกมารภัจจ์ ซึ่งถวายเป็นสังฆาวาส และเป็นโรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกของโลกที่ดูแลพระภิกษุสงฆ์อาพาธ รวมไปถึงพระพุทธองค์ด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อครั้งเหตุการณ์พระเทวทัตผลักก้อนหิน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
จากนั้น นำท่านชม วัดเวฬุวันมหาวิหาร หรือป่าไผ่ สถานที่กำเนิดวันสำคัญทางศาสนา “วันมาฆบูชา” ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ต่อหน้าพระสงฆ์ที่พระองค์ทรงบวชให้ทั้งหมด และวัดเวฬุวันมหาวิหารยังเป็นวัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ที่พระเจ้าพิมพิสารถวายให้กับองค์พระศาสดา
จากนั้น นำท่านออกเดินทางสู่เมืองนาลันทา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย พร้อมนำท่านชมมหาวิทยาลัยนาลันทา สถานที่กำเนิดของอัครสาวกองค์สำคัญ คือ พระสารีบุตร ผู้เป็นเลิศทางด้านปัญญา โดยมีหลักฐานบ่งชี้คือ สถูปที่เป็นอนุสรณ์สถานต่อพระมหาเถระรูปนี้ เมืองนาลันทา ยังได้รับการสมญานาม เมืองแห่งความรู้ เพราะมีมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก (โดยประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนาลันทาเริ่มขึ้นโดย ถูกสร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์ราชวงศ์คุปตะพระองค์หนึ่งพระนามว่าศักราทิตย์ หรือกุมารคุปตะที่ 1 ครองราชย์ประมาณระหว่างปีพุทธศักราช 958-998 ได้ทรงสร้างวัดอันเป็นสถานศึกษาขึ้นแห่งหนึ่งที่เมืองนาลันทาและกษัตริย์พระองค์ต่อๆ มาในราชวงศ์นี้ก็ได้สร้างวัดอื่นๆ เพิ่มขึ้นในโอกาสต่างๆ จนมีถึง 6 วัด และสร้างกำแพงล้อมรอบ โดยขนานนามว่า “นาลันทามหาวิหาร” ต่อมาเมื่อพุทธศักราช 1742 มหาวิทยาลัยนาลันทาก็พบกับการล่มสลาย เมื่อถูกกองทัพมุสลิมเติร์กเข้าครอบครองดินแดนและเผาทำลายวัดและปูชนียสถาน ตลอดจนฆ่าพระภิกษุ นักศึกษา และคณาจารย์ ไปอย่างมากมาย เมื่อมหาวิทยาลัยนาลันทาล่มสลายไปแล้วชื่อเสียงของเมืองนาลันทาก็ค่อยๆถูกลบเลือนจากคนทั่วไป จนกระทั่งปีพุทธศักราชที่ 2403 เซอร์อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม "บิดาแห่งการสำรวจโบราณคดีอินเดีย" ได้ค้นพบมหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงกองดินสูงเท่านั้น ต่อมาจึงได้ขุดสำรวจตามหลักวิชาการโบราณคดี มหาวิทยาลัยก็ได้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกอีกครั้ง
จากนั้น นำท่านสักการะหลวงพ่อดาแห่งนาลันทา (มีลักษณะพระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน แกะสลักด้วยหินดำ หน้าตักกว้าง 60 นิ้ว สูงนับจากพระเพลาถึงยอดพระเกตุ 69 นิ้ว สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเทวาปาล ในปีพุทธศักราชที่ 1353 คํ่า นำท่านเข้าสู่ที่พักวัดไทยนาลันทา รับประทานอาหารคํ่า
ร่วมทอดถวายผ้าป่า วัดไทยนาลันทา
วันที่สาม(18) ปัตตานะ ไวสาลี เมืองกุสินารา
เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในที่พัก
หลังอาหาร นำท่านออกเดินทางสู่เมืองไวสาลี ในอดีตคือแคว้นวัชชีที่ปกครองโดยกษัตริย์ลิจฉวี เป็นหนึ่งใน 16 แคว้นของชมพูทวีป ซึ่งในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์เคยมาโปรดให้ชาวเมืองได้รอดพ้นจากโรคอหิวาตกโรค ที่แม้แต่พระมหาวีระ ศาสดาแห่งศาสนาเชนไม่สามารถบำบัดโรคร้ายนี้ได้ จึงถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง
จากนั้น นำท่านชม กุฎาคารศาลา วัดป่ามหาวัน ที่มีลักษณะเป็นสถูปทรงบาตรควํ่า ซึ่งกษัตริย์ ลิจฉวีทรงสร้างถวายสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้ ในพรรษาที่ 5 พร้อมนำท่านชมเสาอโศกรูปสิงห์ที่เชื่อว่ามีความสมบูรณ์ที่สุด ที่อยู่ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้หลงเหลือเพียงซากโบราณสถานที่ประกอบไปด้วยสังฆาราม ห้องพัก ห้องประชุมที่สำคัญวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ประธานพุทธานุญาตบวชพระนางปชาบดีโคตสีเป็นพระภิกษุณีรูปแรกของโลก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
ระหว่างทาง นำท่านเดินทางสักการะ เกสรียาสถูป บริเวณที่พระพุทธองค์ทรงหันกลับมาทอดพระเนตรดูเมืองไวสาลีเป็นครั้งสุดท้าย และพระราชทานบาตรให้กับพวกลิจฉวีก่อนเดินทางไปยังกุสินารา เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานสถูปแห่งนี้ถูกขุดพบเมื่อปีพุทธศักราช 2541 โดยเชื่อว่ากันว่าเป็นสถูปที่สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งมีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในโลก ด้วยขนาดความสูงประมาณ 41 เมตร ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อปีพุทธศักราช 2474 จึงเหลือความสูงประมาณ 35 เมตร โดยบริเวณใกล้เคียงพระสถูปแห่งนี้ยังปรากฏเสาอโศก
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่เมืองกุสินารา เดิมในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินารานั้นเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นมัลละ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่มีความสำคัญเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงของพระพุทธองค์
นำท่านเดินทางสู่สาลวโนทยาน หรือป่าสาละ แห่งแคว้นมัลละในสมัยพุทธกาล พร้อมนำท่านชม ปรินิพพานสถูป เป็นสถูปที่อยู่ด้านหลังวิหารปรินิพพาน ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชพระราชทานพระราช--ทรัพย์ 100,000 รูปี ให้สร้างขึ้นคร่อมกับพระแท่นปรินิพพาน มีลักษณะเป็นทรงบาตรควํ่าสูง 65 เมตร มียอดฉัตร 3 ชั้น พร้อมปรากฏเสาอโศกในบริเวณใกล้เคียง
จากนั้น นำท่านนมัสการ พระพุทธรูปปางปรินิพพานณ วิหารปรินิพพาน เป็นพระพุทธรูปที่เป็นศิลปะในสมัยคุปตะ (พุทธศักราช 823 -- 1093) โดยช่างฝีมือชาวมธุรา ที่มีขนาดความยาวประมาณ 7 เมตร สูงประมาณ 1 เมตร ประดิษฐานอยู่บนพระแท่นจุณศิลา ที่ทำจากทรายแดงของเมืองจุนนะ
วิหารแห่งนี้ถูกขุดครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช 2397 โดยนายพลเซอร์อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม และถูกขุดเรื่อยมาจนกระทั่งปีพุทธศักราช 2450 ได้ค้นพบโบราณวัตถุมากมาย รวมทั้งพระพุทธรูปปางปรินิพพานที่ประดิษฐาน ณ สถานที่แห่งนี้
หลังจากนั้น นำท่านชม มกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ทำพิธีถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ซึ่งมีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่ารามภาร์--กา--ฏีลา อยู่ห่างจากที่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานประมาณ 1 กิโลเมตร คํ่า นำท่านเข้าสู่ที่พักวัดไทยกุสินาราฯรับประทานอาหารคํ่า ร่วมทอดถวายผ้าป่า--วัดไทยกุสินาราฯ
วันที่สี่(19) กุสินารา –ลุมพินี
*** โปรดเตรียมหนังสือเดินทางสาหรับข้ามผ่านแดนประเทศอินเดีย เนปาล ***
เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในที่พัก หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ลุมพินี เมืองไภรวา ประเทศเนปาล ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสังเวชนียสถานแห่งเดียวที่ไม่อยู่ในประเทศอินเดีย อันเนื่องมาจาก ก่อนที่สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาประสูติ พระองค์ท่านเป็นพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ยังมิได้รับอาราธนาของทวยเทพทั้งหลายทรงพิจารณาดู "ปัญจมหาวิโลกนะ" คือ การตรวจดูอันยิ่งใหญ่ 5 อย่าง ก่อนที่จะตัดสินพระทัยประทานปฏิญาณรับอาราธนาของเทพยดาทั้งหลาย ว่าจะจุติจากดุสิตเทวโลกไปบังเกิดในพระชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้ามี 5 อย่างที่พระบรมโพธิสัตว์เจ้าทรงเลือก ดังนี้ 1. กาล ทรงเลือกอายุกาลของมนุษย์ 2. ทวีป ทรงเลือกชมพูทวีป 3. ประเทศ ทรงเลือกมัธยมประเทศ 4. ตระกูล ทรงเลือกตระกูลกษัตริย์ศากยวงศ์ 5. มารดา ทรงเลือกมารดาที่มีศีลห้าบริสุทธิ์ ได้บำเพ็ญบารมีมาตลอดแสนกัป และกำหนดอายุของมารดา ทรงกำหนดได้พระนางมหามายา
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
หลังอาหาร นำท่านเยี่ยมชม สวนลุมพินีวัน ตั้งอยู่ที่เมืองไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล นำท่านชม วิหารมายาเทวี สถานที่ประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งภายในวิหารจะปรากฏรูปปั้นของพระนางมายาเทวี (พระมารดาของพระพุทธเจ้า) ขณะพระองค์กำลังให้กำเนิดเจ้าชายสิทธัตถะ และ รูปรอยเท้าของเจ้าชายสิทธัตถะภายนอกวิหาร จะปรากฏ สระโบกขรณี และเสาอโศกซึ่งถูกฝังดินไว้และพบจารึกเป็นอักษรพราหมณ์ระบุว่าที่แห่งนี้คือสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ เย็น นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักในลุมพินี เมืองไภรวา ประเทศเนปาล ณ โรงแรม White Lotus หรือเทียบเท่า พร้อมรับประทานอาหารเย็น
วันที่ห้า(20) ลุมพินี พาราณสี
เช้า รับประทานอาหารเช้า ภายในโรงแรมที่พัก
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองพาราณสีสถานที่ตั้งของ สารนาถ หรือป่าอิสิปตนมฤคทายวันในสมัยพระพุทธกาล สถานที่ตั้งสังเวชนียสถานแห่งการปฐมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมืองพาราณสีนั้นเป็นเมืองโบราณที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาล เป็นอดีตเมืองหลวงของแคว้นกาสี ซึ่งเป็นเมืองที่สถิตย์ขององค์พระศิวะที่มีชื่อเสียงทางด้านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูมาอย่างยาวนานบนแม่นํ้าคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ ที่มีความเชื่อในการอาบนํ้าล้างบาป ตามทรรศนะคติพราหมณ์ตราบจนถึงปัจจุบัน สำหรับศาสนาพุทธเมืองพาราณสียังเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาที่หลากหลายประเทศมีการส่งพระสงฆ์มาศึกษาพระธรรมวินัยในยุคปัจจุบันในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พระองค์เคยทรงสนทนากับพวกพราหมณ์ผู้ไปอาบนํ้าในแม่นํ้าคงคาเพื่อล้างบาปเป็นใจความว่า ถ้าต้องการล้างบาปไม่จำเป็นต้องไปอาบนํ้าในแม่นํ้าคงคา ขอให้ชำระกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์ คือ เว้นทุจริตทางกาย วาจา ใจ และประพฤติสุจริตทางกาย วาจา ใจ นั่นแหละคือการอาบนํ้าล้างบาปมีในศาสนาของพระองค์ ถ้าประพฤติอยู่ในสุจริตแล้ว แม้นํ้าดื่ม นํ้าอาบ ธรรมดาก็จะกลายเป็นนํ้าศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย อนึ่ง ถ้านํ้าในแม่นํ้าคงคาสามารถล้างบาปได้จริงและอำนวยผลให้ผู้ลงไปอาบไปสวรรค์ได้จริงแล้ว พวก กุ้ง หอย ปู ปลา ก็มีโอกาสไปสวรรค์ได้มากกว่ามนุษย์เพราะอาศัยอยู่ในแม่นํ้านั้นตลอดเวลาเมืองพาราณสียังเป็นดินแดนที่ดีที่สุดในการศึกษาวิถีชีวิตของชาวอินเดียแท้ว่าเป็นอย่างไรดังคำกล่าวของพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ว่า “พาราณสีคือ อินเดียแท้ ใครมาอินเดียแล้วไม่เห็นพาราณสีก็เท่ากับว่าไม่ได้เห็นอินเดีย ใครอยากรู้ว่าอินเดียที่แท้จริงเป็นอย่างไรต้องมาดูที่เมืองพาราณสี”
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านเดินทางสู่สารนาถ ซึ่งอยู่ในเขตเมืองพาราณสี ในอดีตสถานที่แห่งนี้คือ “ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน” อันเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” แก่ปัญจวคีย์ทั้ง 5 และเป็นสถานที่เกิดพระรัตนตรัยครบ 3 องค์ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นอนุสรณ์สถานที่พระพุทธเจ้าทรงพบกับปัญจวคีย์ทั้ง 5 เมื่อเสด็จมาโปรดหลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้เพียง 2 เดือน และสามารถทำให้อัญญาโกณฑัญญะบรรลุอรหันตผล ซึ่งสถูปแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ต่อมาได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยคุปตะ และมีการปรับเปลี่ยนผังของสถูปจากเดิมมาเป็นแบบรูปทรง 8 เหลี่ยม โดยจักรพรรดิ์อัคบาร์แห่งราชวงศ์โมกุล พระอัยกา (ปู่) ของจักรพรรดิ์ชาห์จาฮัน ผู้สร้างตำนานประติมากรรมแห่งความรักอันเป็นนิจ
นิรันดร ทัชมาฮาล (TAJ MAHAL) เพราะในอดีตพระบิดาของพระองค์ จักรพรรดิ์หุมายันได้เสด็จลี้ภัยมายังสถานที่แห่งนี้
จากนั้น นำท่านชม พระมูลคันธกุฎี กุฏิของพระพุทธเจ้า ซึ่งสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศกมหาราช พร้อมปรากฏเสาอโศกในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมนำท่านนมัสการ ธัมเมกขสถูป เป็นสถูปที่สร้างเพื่ออุทิศแด่พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้ซึ่งเห็นธรรมเป็นท่านแรก สถูปแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมแบบเมาริยะ เป็นทรงกลมแบบบาตรควํ่า มีความสูงจากฐาน 42 เมตร ภายหลังจากสถูปองค์เก่าถูกทำลายได้มีการสร้างสถูปแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เมื่อปีพุทธศักราช 2337 และนำท่านสักการะ ธัมมราชิกสถูป เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาในช่วงฤดูฝนแรกหลังจากทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ธัมมราชิกสถูปสร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์ในสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่ประทับแสดงทุติยเทศนา คือ “อนัตตลักขณสูตร” โปรดแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 หลังจากวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดง “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” คือพระสูตรว่าด้วยการหมุนกงล้อแห่งพระธรรมอันเป็นพระสูตรแรกในพระพุทธศาสนา และในวันแรม 5 คํ่า เดือน 8 พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตรโปรดแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ทำให้ทั้งหมดได้เข้าใจชัดเจนถึงความเป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตนถาวรเที่ยงแท้ของขันธ์ ของสังขารธรรม ทำให้ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 สามารถเพิกถอนอุปทาน อาสวะในจิตของตนได้และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมกันเป็นครั้งแรกของโลกในที่สุด จากนั้น
หลังจากนั้น นำท่านชม โบราณวัตถุที่สำคัญของทางพระพุทธศาสนา ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งสารนาถ(พิพิธภัณฑ์ปิดให้บริการทุกวันศุกร์และวันนักขัตฤกษ์)
คํ่า นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักเมืองพาราณสี ณ โรงแรม Meadows หรือเทียบเท่า พร้อมรับประทานอาหารคํ่า
วันที่หก(21) พาราณสี –พุทธคยา
เช้าตรู่ นำท่านล่องเรือชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และชมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในแม่นํ้าคงคา สายนํ้าอันศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเลี้ยงชาวอินเดียมาแต่โบราณกาล
จากนั้น นำท่านกลับสู่ที่พักเพื่อรับประทานอาหารเช้า หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่เมืองพุทธคยา
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
เย็น อิสระตามอัธยาศัย
คํ่า นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักในเมืองพุทธคยา ณ โรงแรม Taj Darbar หรือเทียบเท่า พร้อมรับประทานอาหารคํ่า
วันที่เจ็ด(22) พุทธคยา กรุงเทพมหานคร
เช้า รับประทานอาหารเช้าภายใน
หลังจากนั้น นำทุกท่านเดินทางสู่เมืองสนามบินเมืองพุทธคยา โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท... ให้บริการทำการเช็คอินและบัตรโดยสาร
10.40 น. คณะเดินทางออกจากสนามบิน เมืองพุทธคยา สู่กรุงเทพฯโดยสายการบินแอร์เอเชีย(FD) เที่ยวบินที่ FD123 (มีบริการอาหารกลางวันบนเครื่อง)
14.50 น. คณะเดินทางกลับถึงสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพด้วยความอิ่มบุญและประทับใจไปนานแสนนาน.........